กรมประชาสัมพันธ์
เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐบาลกับประชาชน ตลอดจนระหว่างประชาชนด้วยกัน โดยวิธีการให้ข่าวสาร ความรู้ข้อเท็จจริงและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเสนอรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่โน้มน้าว ชักจูงประชาชน เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือแก่รัฐบาลและหน่วยราชการต่าง ๆ ตามแนวทางที่ถูกที่ควรในระบอบประชาธิปไตย โดยมี พระมหากษัตริย์เป็นประมุข นอกจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครแล้ว กรมประชาสัมพันธ์ ยังมีสำนักประชาสัมพันธ์เขต อีก 8 สำนัก ได้แก่ 1. สปข.1 ขอนแก่น , 2. สปข.2 อุบลราชธานี , 3. สปข.3เชียงใหม่ , 4. สปข.4 พิษณุโลก , 5. สปข.5 สุราษฎร์ธานี , 6. สปข.6 สงขลา , 7. สปข.7จันทบุรี และ , 8. สปข.8 กาญจนบุรี เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้เข้าถึงประชาชนในส่วนภูมิภาค ขณะเดียวกันกรมประชาสัมพันธ์ ยังมีสำนักงานประชาสัมพันธ์ครบทุกจังหวัด
กรมประชาสัมพันธ์เริ่มก่อตั้งเมื่อ 3 พฤษภาคม 2476 ภายหลัง การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศโดยมีชื่อในระยะเริ่มแรกว่า "กองโฆษณาการ” และได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานโฆษณาการ” เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2476 และได้มีการพัฒนาผลงานมาเป็นลำดับโดยมีการปรับปรุงและขยายความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นทุก ๆ ระยะตามความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการสภาพของสังคม การเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ตลอดจนนโยบายของรัฐบาลในแต่ละสมัย และเปลี่ยนชื่อมาเป็น "กรมโฆษณาการ” เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2483 หลังจากนั้น 12 ปี ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "กรมประชาสัมพันธ์” เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2495
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปรากฎในราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 7 เล่มที่ 64 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2490 กำหนดเครื่องหมายราชการ "กรมโฆษณาการ” ให้เป็นรูปพระอินทร์เป่าสังข์เหาะลอยอยู่เหนือเมฆ มีวงกลมล้อมรอบตามวรรณคดีกล่าวไว้ว่า พระอินทร์เป่าสังข์ปลุกพระนารายณ์ให้ตื่นจากบรรทมสินธุ์ในสะดือทะเล เพื่อขึ้นมาปราบเหตุร้ายต่าง ๆ ในโลก อย่างไรก็ดี โดยที่สังข์ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่าเป็นมงคล 3 คือ สังข์ ถือกำเนิดจากพระพรหม ท้องสังข์เคยเป็นที่ซ่อนคัมภีร์พระเวทและตัวสังข์ มีรอยนิ้วพระหัตถ์ ของพระนารายณ์ ในพิธีทางศาสนา พราหมณ์ จึงมีการเป่าสังข์เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย นอกจากนี้ พระในลัทธิชินโตก็ใช้สังข์เป่าในพิธีมงคลพวกชาวเกาะทะเลใต้ เป่าสังข์ บอกสัญญาณระหว่างกันปรากฏว่าได้ยินไปไกลไม่แพ้เป่าเขาควาย เนื่องจากงานประชาสัมพันธ์เป็นการโฆษณาเผยแพร่และอธิบายชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจอย่างกว้างขวางเป็นการสร้างความเข้าใจอันดี โดยมีวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และภาพยนตร์เป็นเครื่องช่วย จึงเปรียบได้กับการเป่าสังข์ของเทวดาในสมัยโบราณเพื่อบอก สัญญาณ และเรียกประชุม นั่นเอง
ใช้สีม่วง ซึ่งถือกันว่าเป็นสีของงานสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์
Link banner
Copy code นี้ไปลงในเว็บไซต์ของท่าน
<a href="http://www.prd.go.th" target="_blank"><img src="http://www.prd.go.th/images/prd_banner01.jpg" border="0" alt="กรมประชาสัมพันธ์" |
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี
16/7 หมู่8 ถนนกาญจนบุรี – ไทรโยค ตำบลแก่งเสี้ยน
อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ประวัติความเป็นมา
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 16/7 หมู่ 8 ติดถนนกาญจนบุรี – ไทรโยค ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2522 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2523 ประกอบด้วย อาคารสถานี (ซึ่งใช้เป็นสำนักงานด้วย) อาคารบ้านพักข้าราชการ เป็นเงิน 1,250,354.00 บาท (หนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่นสามร้อยห้าสิบสี่บาท) ระบบเสาสายอากาศ เสาอากาศสูง 66 เมตร เป็นเสาอากาศแบบ เดต้าแมท (DATA Matched)กระจายคลื่นในแนวตั้ง รัศมีรอบทิศทาง 60-65 กิโลเมตร เป็นเงิน 208,500.00 บาท(สองแสนแปดพันห้ารอ้ยบาท) ส่วนเครื่องส่งจัดสร้างขึ้นโดยกองช่างและทะเบียนวิทยุ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นเครื่องส่งระบบ A.M. 1,134 KHz ความยาวคลื่น 264.55 เมตร กำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ เป็นเงิน 348,822.00 บาท (สามแสนสี่หมื่นแปดพันแปดร้อยยี่สิบสองบาท) รวมค่าปักเสาพาดสายและติดตั้งไฟฟ้า เป็นเงิน 1,884,390.00 บาท(หนึ่งล้านแปดแสนแปดหมื่นสี่พันสามร้อยเก้าสิบบาท) รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งสิ้น 3,692,066.00 บาท
(สามล้านหกแสนเก้าหมื่นสองพันหกสิบหกบาท)
สวท.กาญจนบุรี บ้านพักข้าราชการ
อาคารสถานีและบ้านพักข้าราชการ มีเนื้อที่รวม 12 ไร่ ซึ่งได้รับความร่วมมือช่วยเหลือจากจังหวัดกาญจนบุรี จัดหาที่ดินให้ ภายในอาคารสถานีเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว แบ่งเป็น ห้องบันทึกเสียง ห้องผู้ประกาศ ห้องเครื่องส่ง ห้องนายสถานี ห้องธุรการ–รายการ และห้องรับรอง
เริ่มทดลองส่งกระจายเสียง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2523 กระจายเสียงตั้งแต่เวลา 06.00 – 09.00 น. ต่อมาได้ขยายเวลาออกอากาศจาก 09.00 น. ถึง 14.00 น.ในวันที่ 9 ตุลาคม 2523 และตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2524 ได้เปิดการกระจายเสียงภาคค่ำเพิ่มขึ้น ในเวลา 17.00 – 22.00 น. รวมกระจายเสียงวันละ 13 ชั่วโมง ผลการกระจายเสียงนอกจากจะมีรัศมีครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ยังครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ จังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร และเพชรบุรี ต่อมาได้ขยายเวลากระจายเสียงเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 17 ชั่วโมง ประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 22.00 น. เพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชน และได้ทำพิธีเปิดสถานีอย่างเป็นทางเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2524 โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พลโท ชาญ อังศุโชติ) เป็นประธานในพิธีเปิด และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (นายกำจัด กีพานิช) กล่าวรายงาน
อธิบดีกำจัด กีพานิช กล่าวเปิดงาน พิธีเปิดสถานี 24 มิ.ย. 2524
ต่อมาในปี 2536 ได้มีแผนการจัดสรรความถี่สถานีวิทยุกระจายเสียงระบบ เอ.เอ็ม.แห่งชาติขึ้น ประกอบกับเครื่องส่งเดิมใช้งานมานาน อุปกรณ์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพลง ส่งผลให้การกระจายเสียงขาดคุณภาพ ไม่สามารถสนองตอบภารกิจของกรมประชาสัมพันธ์ได้เต็มที่ กรมประชาสัมพันธ์ จึงได้จัดสรรเงินรายได้ให้ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเงิน 8,090,000 บาท (แปดล้านเก้าหมื่นบาท) จัดสร้างอาคารเครื่องส่งใหม่พร้อมทั้งเปลี่ยนระบบการกระจายเสียงเป็น ระบบ A.M. STEREO ความถี่ 558 KHz.
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี ได้ดำเนินการจัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องส่งและเสาอากาศต้นใหม่ ความสูง 127 เมตร จากบริษัท ล็อกซ์เล่ย์จำกัด มหาชน พร้อมปรับพื้นที่สร้างอาคารเครื่องส่งขึ้นใหม่ เนื่องจากเสาอากาศต้นใหม่มีความสูงมาก ทำให้จำเป็นต้องวางสมอบกเพื่อติดตั้งสายรั้งเสาด้านทิศเหนือออกนอกเขตสถานี ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากสุขาภิบาลแก่งเสี้ยน เป็นเนื้อที่ 84 ตารางวา และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2538 แล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2539 ทดลองออกอากาศครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2539 และตรวจรับเพื่อการใช้งานตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2539 เป็นต้นมา
เครื่องส่ง HARRIS DX-10 จานสายอากาศ
ปีงบประมาณ 2561 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณหมวดงบลงทุน (ค่าครุภัณฑ์) ปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียง “โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีวิทยุกระจายเสียง ระบบ AM ขนาดกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์” สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 1 ระบบ วงเงิน 10 ล้านบาท (สิบล้านบาทถ้วน)
ปัจจุบันดำเนินการส่งกระจายเสียงวันละ 19 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 05.00 - 24.00 น. เป็นประจำทุกวัน และได้มีการปรับปรุงพัฒนาห้องส่งกระจายเสียงและห้องบันทึกเสียงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการบันทึกเสียง ตัดต่อผลิตรายการต่างๆเพื่อออกอากาศ ทำให้การส่งกระจายเสียงและบันทึกเสียงของสถานีมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ใช้คอมพิวเตอร์บันทึกเสียง ตัดต่อรายการ เครื่องควบคุมเสียงประจำห้องส่งฯ
ผู้บริหาร สวท.กาญจนบุรี จากอดีต จนถึงปัจจุบัน
ลำดับที่ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1. นายสิริ กลิ่นเกสร นวท.กาญจนบุรี ก.ย. 2522 - ก.ย. 2529
2. นายสุพล วัฒนาพันธ์ นวท.กาญจนบุรี ธ.ค. 2529 - ก.ย. 2537
3. นายทวี โห้ไทย นวท.,อวท.กาญจนบุรี ต.ค. 2537 - 31 พ.ค. 2538
4. นายอาจ โทนทอง อวท.กาญจนบุรี มิ.ย. 2538 - 15 มี.ค. 2539
5. นายสุรินทร์ แปลงประสพโชค อวท.กาญจนบุรี 16 มี.ค.2539 - 4 ธ.ค. 2540
6. นายยุทธนา เทียมพงศ์ ผ.สวท.กาญจนบุรี 4 ธ.ค.2540 - 14 มี.ค. 2541
7. นายสิงหนาท จึงจะดี ผ.สวท.กาญจนบุรี 15 มี.ค. 2541 - 31 ก.ย. 2543
8. นายสมโภชน์ วิสุทธิแพทย์ ผ.สวท.กาญจนบุรี 2 ก.พ. 2544 – 30 ก.ย. 2549
9. นางวัชรี จันทาโภ ผ.สวท.กาญจนบุรี 6 ก.พ. 2550 – 30 ก.ย. 2551
10. นายณัฐธนนท์ บุญถาวรจีรวัฒน์ ผ.สวท.กาญจนบุรี 22 ต.ค. 2551–30 ก.ย. 2553
11. นายวีระ เรืองสมบัติ ผ.สวท.กาญจนบุรี 2 ธ.ค. 2553–30 ก.ย. 2556
12. นายอนุ ทองดี ผ.สวท.กาญจนบุรี 20 ต.ค. 2557 - 12 ก.ค. 2564
13. นางสาวดวงแก้ว เลิศรัตนรังษี ผอ.สวท.กาญจนบุรี 12 ก.ค. 2564 - 12 พ.ย. 2564
14. นางสาวสมจิตต์ น้ำค้าง ผอ.สวท.กาญจนบุรี 12 พ.ย. 2564 - 27 มกราคม 2566
15. นางกัลยา เขียวเปลื้อง ผอ.สวท.กาญจนบุรี 27 มกราคม 2566 - ปัจจุบัน
ภารกิจของสวท.กาญจนบุรี
การดำเนินงานของ สวท.กาญจนบุรี คือการให้บริการส่งวิทยุกระจายเสียงให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการผลิตสื่อเพื่อบริการของสาธารณะและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนอย่างแท้จริง โดยมีวัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ความรับผิดชอบและจิตสำนึกในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
2. เป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อความเข้าใจอันดีและถูกต้องโดยคำนึงถึงสิทธิและความเสมอภาคในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
3. ส่งเสริมการศึกษา จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม ให้ความรู้ความบันเทิงโดยไม่ขัดกับขนบธรรมเนียม ประเพณี และศีลธรรมอันดีงามของชาติ
4. ส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของชาติ